บาร์โค้ดคืออะไร บาร์ โค้ด (Barcode) เป็นสัญลักษณ์แท่งประกอบด้วยเส้นมืด (มักจะเป็นสีดำ) และเส้นสว่าง(มักจะเป็นสีขาว) วางเรียงกันเป็นแนวยืน เป็นรหัสแทนตัวเลขและตัวอักษร ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้เครื่องสมองกลสามารถอ่านรหัสข้อมูลได้ง่าย ขึ้น โดยใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Scanner) ซึ่งจะดำเนินการได้ในทันที และช่วยลดข้อผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลได้มาก บาร์โค้ดเริ่มกำเนิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1950 โดยประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจทางด้านพาณิชย์ขึ้น สำหรับค้นคว้ารหัสมาตรฐานและสัญลักษณ์ที่สามารถช่วยกิจการค้าด้านอุตสาหกรรม และสามารถจัดพิมพ์ระบบบาร์โค้ดระบบ UPC-Uniform ขึ้นได้ในปี 1973 สืบมาในปี 1975 กลุ่มประเทศยุโรปจัดตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการเพื่อทำระบบบาร์โค้ดเรียก ว่า EAN-European Article Numbering สมาคม EAN จำเริญตลอดยุโรปและประเทศอื่นๆ (ยกเว้นอเมริกาเหนือ) และระบบบาร์โค้ด EAN เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 1987
โดยหลักการแล้ว บาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดจะถูกอ่านด้วยเครื่องสแกนเนอร์ จดข้อมูลเข้าไปเก็บในคอมพิวเตอร์โดยตรง โดยไม่ต้องกดปุ่มที่แป้นอักษร ทำให้มีความสะดวก ทันอกทันใจในธุรกิจ รวมถึงอ่านข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ เชื่อถือได้ และจะเห็นได้แจ่มแจ้งว่าสมัยนี้ระบบบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดเข้าไปมีบทบาทในทุกส่วนของอุตสาหกรรม การทำมาค้าขาย และการบริการ ที่ต้องใช้การบริหารเตรียมการข้อมูลจากฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และปัจจุบันนี้มีการประยุกต์การใช้งานบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดเข้ากับการใช้งานของ Mobile Computer ซึ่งสามารถพกพาได้ง่าย เพื่อทำการจัดเก็บ บอกผล วิเคราะห์ และประมวลในด้านอื่นๆ ได้ด้วย
บาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด 2 มิติ - บาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด 2 มิติเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาเพิ่มเติมจากบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด 1 มิติ โดยออกแบบให้บรรจุข้อมูลได้ทั้งในแนวยืนและแนวราบ ทำให้สามารถจุข้อมูลมากได้ราว 4,000 ตัวอักษร หรือคร่าวๆ 200 เท่าของบาร์โค้ด 1 มิติในพื้นที่เท่ากันหรือเล็กกว่า ข้อมูลที่ใส่สามารถใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษได้ เช่น ภาษาญี่ปุ่น จีน หรือ เกาหลี เป็นต้น และบาร์โค้ด 2 มิติสามารถแปลรหัสได้แม้ภาพบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดบางส่วนมีการเสียหาย เครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้อ่านและถอดรหัสบาร์โค้ด 2 มิติมีตั้งแต่เครื่องอ่านแบบซีซีดี หรือเครื่องอ่านแบบเลเซอร์เหมือนกับบาร์โค้ด 1 มิติจนถึงโทรศัพท์มือถือแบบมีกล้องถ่ายภาพในตัวซึ่งติดตั้งโปรแกรมถอดรหัสไว้ ลักษณะของบาร์โค้ด 2 มิติมีอยู่นานาประการตามหมู่ของบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เช่น วงกลม สี่เหลี่ยมจตุรัส หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายกันกับบาร์โค้ด 1 มิติบาร์โค้ด 2 มิติ สามารถแยกแยะออกเป็น 2 ประเภท * บาร์โค้ด 2 มิติ แบบสแต๊ก (Stacked Barcode)
บาร์โค้ดแบบสแต๊กมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับการนำบาร์โค้ด 1 มิติมาวางซ้อนกันหลายแนว มีการทำงานโดยอ่านภาพบาร์โค้ดแล้วปรับความใหญ่โตของบาร์โค้ดก่อนทำการถอดรหัส ซึ่งการปรับความกว้างขวางนี้ทำให้สามารถถอดรหัสจากที่พังบางส่วนได้ โดยส่วนที่พังนั้นต้องไม่ยับย่อยเกินขีดจำกัดหนึ่งที่กำหนดไว้ การอ่านบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดแบบสแต๊กสามารถอ่านได้ทิศทางเดียว เช่น อ่านจากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย และการอ่านจากด้านบนลงล่างหรือจากด้านล่างขึ้นด้านบน ตัวอย่างบาร์โค้ดแบบสแต๊ก คือ บาร์โค้ดแบบ PDF417 (Portable Data File) * บาร์โค้ด 2 มิติ แบบเมตริกซ์ (Matrix Codes) บาร์ โค้ดแบบเมตริกซ์มีสัณฐานต่างๆนาๆและมีความเป็นสองมิติมากกว่าบาร์โค้ดแบบ สแต๊กที่เหมือนนำบาร์โค้ด 1 มิติไปซับซ้อน ลักษณะเด่นของบาร์โค้ดแบบเมตริกซ์คือมีรูปแบบค้นหา (Finder Pattern) ทำหน้าที่เป็นตัวอ้างอิงตำแหน่งในการอ่านและแปลรหัสข้อมูล ช่วยให้อ่านข้อมูลได้คล่องแคล่วและสามารถอ่านบาร์โค้ดได้แม้บาร์โค้ดลาด หมุน หรือกลับหัว ตัวอย่างของบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดแบบแมตริกซ์ คือ บาร์โค้ดแบบ MaxiCode , บาร์โค้ดแบบ Data Matrix ,บาร์โค้ดแบบ QR Code
ข้อดีของการใช้บาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
* ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน : บาร์โค้ดจะช่วยให้กิจการงานทันอกทันใจขึ้น และมีความแม่นยำ แม่นยำมากในการจัดเก็บข้อมุลต่างๆ เช่น ในบางขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ต้องการความรวดเร็ว มีการติดตามงานที่ตรง ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการติดตามสถานะของวัตถุดิบ สินค้า หรือส่วนอื่นๆ ในสายการปฏิบัติหน้าที่ที่จำเป็นต้องพึงระวังทุกกรรมวิธีในการดำเนินการ จะช่วยลดช่วงในการแก้ปัญหาที่คิดไม่ถึงที่จะเกิดในกระบวนการทำงานได้ มากขึ้น
* ประหยัดเวลา : ธรรมดาคุณอาจต้องการพนักงาน 20 คนในการเช็คสต๊อกกลางปีในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สำหรับระบบบาร์โค้ดคุณต้องการเพียงเจ้าหน้าที่ 3 คนและใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงในการเช็คสต๊อกให้เสร็จ ในการดำเนินงานในแต่ละวัน ถ้ามีการขนส่งสินค้า 20 กล่อง จากเดิมที่คุณต้องใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการจดรหัสสินค้า และเลขซีเรียล แต่คุณจะใช้เวลาเพียง 15-30 วินาทีเท่านั้นในการสแกนบาร์โค้ด นอกจากจะประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากรคนแล้ว ระบบบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลสำเร็จในการทำงานเป็นอย่างมาก
* ลดข้อเสียหาย : ข้อตำหนิที่เกิดในการจัดการข้อมูลบางครั้งอาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ๆ ได้ รวมทั้งทำให้เสียเวล่ำเวลา เสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์และยังทำให้ลูกค้าเกิดความฉุนเฉียวด้วย ความผิดส่วนใหญ่เกิดจากพนักงานใส่ข้อมูลผิดพลาด แต่ถ้าใช้บาร์โค้ดในการจัดเก็บข้อมูล ความแม่นตรง แม่นยำที่มากกว่า จะช่วยลดความผิดในการทำงานได้เป็นอย่างยิ่ง
* ลดรายการจ่าย เมื่อบาร์โค้ดที่ถูกพิมพ์โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดมีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลามากขึ้น ลดอัตราการจ้างงาน คุณก็จะประหยัดเวลาในงานการ และประหยัดค่าใช้จ่ายในแผนการต่างๆ